28.7 C
Phra Nakhon Si Ayutthaya
Uncategorizedแดงอยุธยานิวส์ออนไลน์ "ข้าวเปล่าเพียงหนึ่งถ้วย

แดงอยุธยานิวส์ออนไลน์ “ข้าวเปล่าเพียงหนึ่งถ้วย

ค่ำวันหนึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งลักษณะเหมือนนักศึกษา ท่าทางกำลังลังเลอยู่หน้าร้านบุฟเฟ่ต์แห่งหนึ่ง

เมื่อลูกค้าส่วนมาก
ออกจากร้านไปแล้ว
เขาจึงเดินเข้าร้านไป
ด้วยอาการเขินๆ

“ ขอข้าวเปล่าถ้วยหนึ่ง ขอบคุณครับ ”

เด็กหนุ่มก้มหน้าพูด
เจ้าของร้านบุฟเฟ่ต์เพิ่งเปิดใหม่
เป็นเถ้าแก่หนุ่มสาวคู่หนึ่ง ทั้งสองเห็นเด็กหนุ่มไม่เอากับข้าว ก็รู้สึกสะท้อนใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขารีบตักข้าวพูนถ้วย ส่งให้แก่เด็กหนุ่มคนนั้น เด็กหนุ่มจ่ายเงิน พร้อมกับพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า

“ผมขอน้ำแกงราดบนข้าวสักหน่อยได้ไหมครับ?”

“ตามสบายเลยค่ะ ไม่คิดสตางค์”
เถ้าแก่เนี้ยพูด

เขากินไปได้ครึ่งถ้วย ก็สั่งอีกถ้วยหนึ่ง
“ไม่อิ่มใช่ไหม?
เดี๋ยวผมตักถ้วยใหม่ให้คุณมากหน่อย”
เถ้าแก่พูดด้วยความเอาใจใส่

“ไม่ใช่ครับ ผมขอเอาใส่กล่อง พรุ่งนี้จะเอาไปกินที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ”

เมื่อเถ้าแก่ได้ยินดังนั้น ก็เดาออกว่า เด็กหนุ่มคนนี้คงมาจากต่างจังหวัดทางตอนใต้เป็นแน่ ฐานะที่บ้านคงไม่สู้จะดีนัก เขาคงมาเรียนหนังสือ ที่ไทเปคนเดียว

และคงจะทำงานไปด้วย และเรียนไปด้วย
ดูก็รู้ว่าเด็กคนนี้
คงจะลำบากอยู่ไม่น้อย

เขาจึงตักโร่วจ้าว (เนื้อเคี่ยวซอสสำหรับราดบนข้าว) ใส่ไว้ที่ใต้กล่องข้าว
จากนั้นก็เอาไข่ตุ๋นชาใส่เข้าไปด้วยหนึ่งฟอง

จากนั้นจึงตักข้าวอัดเข้าไปเต็มกล่อง ทำให้มองดูแล้ว เหมือนไม่มีอะไรอื่นอยู่ในกล่องข้าว นอกจากข้าวเปล่า

เมื่อภรรยาของเขาเห็นดังนั้น ก็เข้าใจในสิ่งที่สามีกำลังทำ ว่าต้องการช่วย
เหลือเด็กหนุ่มคนนี้

แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่ราดโร่วจ้าวไว้บนข้าว แต่จะใส่ไว้ใต้ข้าวทำไม?

เถ้าแก่กระซิบบอกภรรยาว่า
“เด็กผู้ชายเขารักศักดิ์ศรี หากเขาเห็นว่าบนข้าวมี
โร่วจ้าว เขาอาจคิดว่าเราทำทานแก่เขา หากเป็นอย่างนี้ คราวหน้าเขาอาจจะไม่กล้ามาอีก

ถ้าเขาไปกินร้านอื่นก็ได้กินแต่ข้าวเปล่า แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปเรียนหนังสือ ”

“คุณเป็นคนดีจริงๆ
จะช่วยเขา ก็ยังกลัวเขาอายอีก”

“หากผมไม่ดี คุณจะแต่งงานกับผมหรือ ? ”
เถ้าแก่หนุ่มหยอกเย้าผู้เป็นภรรยา

“ขอบคุณครับ ผมอิ่มแล้ว แล้วเจอกันใหม่ครับ”
เด็กหนุ่มพูดจบก็หยิบข้าวกล่อง
แล้วเดินออกจากร้านไป
เมื่อเด็กหนุ่มถือข้าวกล่องที่ดูหนักกว่าข้าวเปล่า ออกจากร้านไป ก็หันมายิ้มให้เจ้าของร้านทั้งสอง

                                    “สู้ๆนะ พรุ่งนี้พบกันใหม่”

เถ้าแก่พูดและโบกมือให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น ในคำพูดประโยคนั้นของเขา
แฝงด้วยคำเชิญ
ให้เด็กหนุ่มมากินข้าวที่นี่ใหม่ในวันรุ่งขึ้น

เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ ไม่กล้าหันไปมองเจ้าของร้าน
กลัวว่าน้ำตาจะร่วงให้เขาทั้งสองเห็น

จากนั้นเป็นต้นมา นอกจากว่าเป็นช่วงปิดเทอม
พลบค่ำของทุกวัน

เด็กหนุ่มก็จะมากินข้าว ที่ร้านนี้ เขาสั่งข้าวเปล่าหนึ่งถ้วยและข้าวเปล่าหนึ่งกล่องเอา
กลับบ้าน
และใต้กล่องข้าว
ก็จะมีอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน
จนเด็กหนุ่มเรียนจบปริญญาตรี

กาลเวลาผ่านไป 20 ปี
ที่ร้านบุฟเฟ่ต์แห่งนี้
ไม่ได้ต้อนรับลูกค้าคนพิเศษคนนี้อีกเลย

แล้วอยู่ๆวันหนึ่ง ทางการก็ส่งจดหมายมาบอกว่าจะทำการเวนคืนที่ดิน และร้านของเขาก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

สองสามีภรรยาอายุใกล้จะ 50 ปี เมื่อรู้ข่าวนี้ต่างก็กลัดกลุ้มใจ ชีวิตต่อไปข้างหน้าจะทำอย่างไร เงินทองที่จะได้จากทางการ ก็จะไม่เพียงพอ สำหรับการจะจัดซื้อบ้าน ที่อยู่ในทำเลที่ดีอย่างนี้ได้อีก

แล้วลูกๆที่กำลังเรียนอยู่ จะหาค่าเทอมมาจากไหน?

สองสามีภรรยาต่างก็กอดกันร้องไห้ ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตอย่างไรดี

แล้วเช้าวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งแต่งกายภูมิฐาน เดินเข้ามาหาสองสามีภรรยา

“สวัสดีครับคุณทั้งสอง ผมเป็นรองผู้จัดการบริษัท………….…………
ผู้จัดการใหญ่ของเรา
ต้องการให้คุณเข้าไปทำร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ในบริษัทของเราที่กำลังจะการเปิดที่ทำการใหม่ ในเร็วๆนี้ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนค่าวัตถุดิบในการทำอาหาร ทางเราจะเป็นผู้รับผิดชอบ ขอเพียงคุณ
จัดหากุ๊กปรุงอาหาร และบริหารงานก็พอ

ส่วนกำไรนั้นจะแบ่งครึ่งกันกับบริษัทของเรา”

ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงได้ดีกับเราอย่างนี้? เราไม่เคยรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมเลยสักคนเดียว สองสามีภรรยาต่างงงงวยกับสิ่งที่เพิ่งจะได้รับทราบ

“คุณทั้งสองเป็นผู้มีพระคุณของผู้จัดการใหญ่ของเรา ท่านบอกว่าท่านชอบกินไข่ตุ๋นชา และโร่วจ้าวของร้านคุณมาก รายละเอียดผมทราบเพียงเท่านี้

นอกเหนือจากนี้คุณคงจะทราบได้เองเมื่อได้เจอกับผู้จัดการใหญ่ของเรา”

เมื่อเดินทางไปถึงบริษัท สองสามีภรรยาจึงรู้ว่า
ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทนี้คือเด็กหนุ่มที่มากินข้าวเปล่าในยามพลบค่ำทุกวันนั่นเอง

                   หลังจากเขาเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว          

เขาก็มุมานะสร้างเนื้อสร้างตัว จนสามารถเปิดบริษัทแห่งนี้ได้

เขาสำนึกบุญคุณ
ข้าวเปล่าที่สองสามีภรรยา ให้เขากินตลอดเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย

หากไม่มีสองสามีภรรยานี้ที่คอยช่วยเหลือเขาในตอนนั้น เขาคงลำบากและไม่สามารถจะเรียนจนจบได้

เรื่องราวเก่าก่อนแต่หนหลัง ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาในวงสนทนาเคล้าเสียงหัวเราะและน้ำตา เมื่อถึงเวลาที่สองสามีภรรยาจะลากลับ ชายหนุ่มยืนขึ้นโค้งคำนับ
พร้อมกับพูดว่า

“สู้ๆนะครับ ต่อไปนี้บริษัทของเราต้องพึ่งพาคุณแล้วนะ พรุ่งนี้พบกันใหม่”

ความรักที่ให้ออกไป ความรักเช่นนั้น ก็จะย้อนกลับคืนมา

ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขเช่นนั้น ก็จะย้อนกลับคืนมา

คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ

นี่คือเหตุและผล
นี่คือกฏเกณฑ์ของจักรวาล ในเรื่องบุญและบาป

เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบ
ท่านมี 2 ทางเลือก

  1. ท่านจะช่วยเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปอย่างเต็มความสามารถ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี และทำให้โลกนี้มีความรักเพิ่มขึ้น
  2. ท่านสามารถเพิกเฉย ทำไม่สนใจเสมือนหนึ่งว่าท่านไม่เคยเห็นเรื่องนี้มาก่อนเลย

การแบ่งปันเล็กๆของท่าน อาจจะสามารถส่องแสงสว่างให้แก่ชีวิตคนที่ลำบากอีกมากมายได้

คนที่มีความฝัน จึงจะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้

การกระทำของท่านใน วันนี้ อาจจะสามารถทำให้ท่านประสบความสำเร็จได้ในอนาคต

การเรียนรู้ของท่าน ในวันนี้
อาจจะเปลี่ยนแปลงขีวิต
ของท่านได้ในวันหน้า

ขอให้ท่านช่วยส่งความปรารถนาดีของท่าน
ออกไปให้มากๆ เพื่อช่วยเป็นตัวอย่างในการเป็นคนที่มีเมตตาจิตและเพื่อช่วยเป็น ลมใต้ปีกให้มีคนอีกมากมายสามารถเติบใหญ่ขึ้นได้

                            ขอบคุณสำหรับความสนับสนุนของท่าน 

ข้าพเจ้าได้เลือกทำข้อที่ 1 แล้ว

ขอบคุณเจ้าของเรื่องที่ส่งมาให้


บทความน่าสนใจ

บทความที่ได้รับความนิยม

Recent Comments